ทฤษฎีแม่แบบ Dow Theory
1. The Averages Discount Everything.* ราคาได้ซึมซับปัจจัยพื้นฐาน หรือ ข่าวไว้หมดแล้วในอดีต
* ราคาซึมซับมุมมองและพฤติกรรมไว้หมดแล้วของ Demand & Supply
* พฤติกรรมของราคาจะเหมือนเดิมตราบเท่าที่คนคุมคนเดิมยังอยู่ ถ้าเปลี่ยนคนคุมพฤติกรรมราคาจะถูกเปลี่ยนแปลงจากเดิม เพราะ "สันดาน" คนไม่เปลี่ยนแปลง
** หลายๆครั้งราคาจะถูกบิดเบือนความเป็นจริง เพราะ "โลกของทุนนิยม" คนมีทุนเยอะสุดสามารถทำราคากราฟเป็นในรูปแบบไหนก็ได้ จึงต้องใช้องค์ประกอบอื่นๆช่วยวิเคราะห์เพิ่มอีกที เช่นดู Trend ในภาพใหญ่ประกอบเพราะสุดท้าย กำลังแรงจะเคลื่อนที่ไปในภาพใหญ่เสมอ เป็นต้น
** เมื่อราคามีการขึ้น หรือ ลงสูงสุด สุดท้ายมันจะกลับมาจุดสมดุลที่มันควรเป็น โดยมีพื้นฐานบริษัท, เศรษฐกิจโดยรวม, สถานะการณ์ต่างๆเป็นตัวแปลขับเคลื่อนอีกที
2. The Market is comprised of three trend.
(การเดินทางของราคาแบ่งออกเป็น 3 จังหวะหลักๆ ประกอบด้วย 1.Tide 2.SR และ 3.Ripple )
1. Primary Tide : ทิศทางหลัก
* Tide คือ การเดินทางของราคาที่เป็น Trend ชัดเจน
* ระหว่างการเดินทางของราคามักจะมีการย่อ(Ripple) เกิดขึ้นระหว่างทาง แต่การย่อมักไม่ Overlap High ก่อนหน้า
* สามารถใช้ EMA 34 ในการช่วยเกาะ Tide หรือ Trend หลักดีได้พอสมควร
2. Secondary Reaction(SR) : การพักฐานระหว่างทาง
* SR เป็นการย่อ หรือ การพักฐานใหญ่ของราคาที่ขึ้นมาทั้งหมดในหน้า Tide
* การพักฐานใดๆ มักจะย่อมาประมาณ Fibonacci Retracement 38 - 61.8 ของราคาที่ขึ้นมาทั้งหมด
* ยืนยันการจบ SR กำลังของราคาต้องลงมาจบรอบ (RSI : OS > OB > OS > OB หรือ RSI เลี้ยงบน 50 และ ราคาเป็น PP ถือเป็นการจบรอบ SR เข้า Phase Tide อีกรอบ )
* ยืนยันการจบ SR กำลังของราคาต้องลงมาจบรอบ (RSI : OS > OB > OS > OB หรือ RSI เลี้ยงบน 50 และ ราคาเป็น PP ถือเป็นการจบรอบ SR เข้า Phase Tide อีกรอบ )
* เมื่อเกิดการจบ SR สามารถหา Continue Pattern ใน Tide หลัก ถ้าไม่มี Pattern ให้สลับ TF ไปในที่เล็กกว่าเพื่อหา Reversal Pattern
* การย่อแต่ละครั้งเราสามารถวัด "% การเปลี่ยนแปลง" ขอการย่อเพื่อวิเคราะห์ว่าการย่อนี้เป็นของ Tide เล็กที่ขึ้นมา หรือ เป็นการย่อของ Tide ใหญ่ทั้งหมด
* การยืนยันการจบ SR เพื่อกลับไปขา Tide คือการที่ ราคา Break High เดิมสูงสุด หรือ การBreak High ล่าสุด และ พักเหนือ High ก่อนหน้า
* การเกิด SR สามารถเกิดได้ 2 แบบ
1. เกิดตามแกนราคา คือ ราคาย่อมาประมาณ 38.2 หรือ 61.8 ของราคาที่ขึ้นมา
2. เกิดตามแกนเวลา คือ ราคาขึ้นมาและออกข้างยาว
3. Ripple/Noise : การย่อเล็กๆ น้อยๆ* การย่อแต่ละครั้งเราสามารถวัด "% การเปลี่ยนแปลง" ขอการย่อเพื่อวิเคราะห์ว่าการย่อนี้เป็นของ Tide เล็กที่ขึ้นมา หรือ เป็นการย่อของ Tide ใหญ่ทั้งหมด
* การยืนยันการจบ SR เพื่อกลับไปขา Tide คือการที่ ราคา Break High เดิมสูงสุด หรือ การBreak High ล่าสุด และ พักเหนือ High ก่อนหน้า
* การเกิด SR สามารถเกิดได้ 2 แบบ
1. เกิดตามแกนราคา คือ ราคาย่อมาประมาณ 38.2 หรือ 61.8 ของราคาที่ขึ้นมา
2. เกิดตามแกนเวลา คือ ราคาขึ้นมาและออกข้างยาว
* Ripple คือการย่อระหว่างทางที่ราคาเป็น Tide และ เกิดแรงขายเล็กๆน้อย ที่ทำให้เกิดการย่อมาเล็กน้อย
* Ripple ใน TF ใหญ่มักจะเป็น SR ของ TF ที่เล็กกว่า
เช่น เกิด Ripple ใน TF Week ที่ดูเหมือนลงน้อย แต่พอสลับไปใน TF Day จะเห็นเหมือนการย่อระดับ SR ใน TF Day เป็นต้น
(ทิศทางราคา Trend จะถูกเเบ่งออกเป็น 3 ช่วง).
1. Public Participation(PP) : ช่วงที่คนส่วนมากขอร่วมด้วย พฤติกรรมราคาจะขึ้นเป็น Trend ชัดเจน
2. Accumulation(Accu) : ช่วงเก็บของหรือสะสมของ คือ ราคายำๆๆ และ Break High
3. Distribution(Dist) : ช่วงปล่อยของ สังเกตุได้จากการที่ราคาขึ้นมาแล้วพักใหญ่ๆ คนที่มีของต้นเริ่มทยอยขายทำกำไร ราคายำๆ และ Break Low
Assumption
** Phase Accu/Dist คือช่วง Consolidate(ราคาบีบตัว) และ Breakout เพื่อเลือกข้างทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
** Continue and Reversal Pattern หาเฉพาะตอนที่ราคามีการ Consolidate กับ SR เท่านั้น ช่วงราคาเป็น PP ไม่ต้องหา
** การเกิด PP สังเกตุได้จากการย่อมาพักฐานเหนือ High ก่อนหน้า และ Break High ก่อนหน้าดังภาพล่าง
** ราคาจะหมดความเป็น PP ขาขึ้น ก็ต่อเมื่อราคามีการลงมาต่ำกว่า High ก่อนหน้า(Overlap High ก่อนหน้า)
** ราคาจะหมดความเป็น PP ขาลง ก็ต่อเมื่อราคามีการขึ้นไปสูงกว่า Low ก่อนหน้า(Overlap Low ก่อนหน้า)
** เมื่อราคา Overlap ทำให้ราคาหมดความเป็น PP เราสามารถหา กรอบ หรือ Pattern ได้
(ค่าดัชนีตลาด / หมวดอุตสาหกรรม ควรไปในทิศทางเดียวกัน).
* ข้อสังเกตุเดิมบอกว่าถ้าเศรษฐกิจดี Industrial Index และ Transport Index ต้องดีด้วยเพราะเมื่อก่อนเศรษฐกิจจะดีการคมานาคมการขนส่งต้องดีตาม เพราะเมื่อก่อนติดต่อค้าขายกันผ่านการคมาคมช่องทางเดียว ปัจจุบันมีช่องทางการค้าหลายรูปแบบจึงไม่จำเป็นเสมอไป
** ปัจจุบันใช้การเปรียบเทียบ SET กับ Sector และ Stock กับ SET เพื่อวิเคราะห์ความแข่งเเกร่งของตลาดและสินค้านั้นๆ เช่น SET Index ทำ New Low แต่หุ้นหรือSector นั้นไม่ทำ New Low เเสดงว่าหุ้นนั้นแกร่งกว่า และถ้าหา SET ใกล้จะ Break แต่ Stock/Sector นั้น Break ไปก่อนแสดงว่า Stock/Sector นั้น Bullish กว่า
** ใช้การเปรียบเทียบเพื่อหาความ Bullish/Bearish กว่าในเชิงตรรกะ
Sector Bearish Sentiment.
Sector Bullish Sentiment.
ข้อสังเกตุ
- เราหา Sector ที่มี Market Bullish Sentiment ที่ดี คือคนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ และ ค่อยถึงไปคัดเลือกหุ้นในกลุ่มที่คนสนใจอีกที
- การเข้าไปเล่นใน Sector ที่ Market Bearish Sentiment หุ้นส่วนมากจะลง หรือ นิ่งเพราะคนไปสนใจกลุ่มอื่นอยู่
5. The volume confirms the trend.
(ในการเกิด Trend จริงจะต้องมี Market Volume จะตามมาด้วย).
* ทฤษฎี Dow เน้นหลักการในการเคลื่อนไหวของราคาเป็นหลัก(Price Action)
* Volume ถูกนำมาใช้สำหรับช่วยยืนยันสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน สื่อประมาณว่าคนส่วนมากเห็นไปในทางเดียวกันหรือไม่(แต่ปัจจุบัน คนมีทุนเยอะสามารถสร้าง Volume เองได้ต้องดูอย่างอื่นประกอบอีกที)
* Volume จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามทิศทางของแนวโน้มหลัก เช่น ตลาดขาขึ้น Volume จะค่อยเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงคนเริ่มสนใจในสินค้าตัวนี้ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น
** ทั้งนี้การใช้ Volume อาจจะช่วยยืนยันได้ ณ จุดจุดนึง แต่ควรดูรายละเอียดอื่นๆ ช่วยประกอบอีกที
6. A Trend Remains intact until it gives a definite reversal signal.
(Trend จะไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเกิดสัญญาณกลับตัวอย่างชัดเจนเกิดขึ้น).
* Uptrend : ราคาเป็นขาขึ้นไปเรื่อยๆจนกว่าจะเกิด Bearish Chart Pattern
* Downtrend : ราคาเป็นขาลงมาตลอดจนกว่าจะเกิด Bullish Chart Pattern
** ดูแนวโน้มการเคลื่อนของราคาไปเรื่อยๆ ในหน้า Tide หลัก จนกว่าจะเกิด Reversal Chart Pattern ถึงจะยืนยันการเปลี่ยนเทรนจริง
** ถ้าราคายืนเหนือ EMA 89 Bias Uptrend.
** ถ้าราคาอยู่ใต้ EMA 89 Bias Downtrend.
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Dow Theory : Up & Down trend
LH > LL > LH > LL = Downtrend
** สามารถใช้ STO(5,3,3) มาช่วยจับ High Low ที่มีนัยยะได้ในเคสที่ภาพไม่ชัด
*STO : OS ไป OB = Low , STO : OB ไป OS = High
** OS > OB > OS > Break High ได้ 1 รอบ ราคา ขาขึ้น
** OB > OS > OB > Break Low ได้ 1 รอบ ราคา ขาลง
*RSI / MACD : OS ไป OB = Low , STO : OB ไป OS = High
** OS > OB > OS > Break High ได้ 1 รอบ Trend ขาขึ้น
** OB > OS > OB > Break Low ได้ 1 รอบ Trend ขาลง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Dow Theory : Buy & Sell Signal
Break High >> Buy
Break Low >> Sell
**ต้องดู Momentum & Trend & Price Action & Valuation PE and Volatility Price เพื่อดู High
Ref : http://www.robertwcolby.com/dowtheory.html
Ref : http://www.marketinout.com/technical_analysis.php?id=43
Ref : Credit P.Tip & ครูหยง